ความเป็นมาของอำเภอน้ำหนาว
น้ำหนาว เมื่อพ.ศ.2400 เดิมเป็นเพียงกลุ่มบ้านเล็กๆ มีบ้านเรือนประมาณ 4 - 5 ครอบครัว ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านห้วยน้ำหนาวกลุ่มบ้านดังกล่าวเป็นชุมชนที่ยังไม่ถาวรมีการเคลื่อนย้ายหมู่บ้านเมื่อมีการเจ็บป่วยล้มตาย หรือเกิดโรคระบาดของคนในหมู่บ้านประชาชนจะอพยพครอบครัวหนีโรคร้ายเข้าไปอาศัยอยู่ตามป่าเขา ไร่นา เมื่อโรคร้ายสงบลงจึงอพยพกลับถิ่นเดิมหรือไปตั้งเป็นหมู่บ้านขึ้นใหม่โดยมีความเชื่อกันว่า ผีกิน หรือผีมารังควาน เมื่อย้ายหมู่บ้านคราใดก็เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ตามสภาพที่ตั้งของหมู่บ้าน เช่น บ้านห้วยขอนเปลือย บ้านโนนจำปาบ้านโคกลานกลอย บ้านห้วยตำแย บ้านห้วยน้ำหนาว และบ้านท่าไร่เป็นต้น หมู่บ้านทั้งหมดนี้ ขึ้นต่อการปกครองตำบลหล่มเก่า อำเภอหล่มเก่า ต่อมามีการตั้งหมู่บ้านขึ้น ได้แก่ บ้านนาพอสอง บ้านห้วยหอย (บ้านวังกวาง ) บ้านตาดข่า บ้านกกกล้วยนวล ทำให้การตรวจตราและดูแลราษฎรของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก พ.ศ. 2457 ทางราชการได้แยกพื้นที่บ้านห้วยน้ำหนาวออกจากตำบลหล่มเก่าตั้งเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอหล่มเก่า เรียกว่า “ ต.น้ำหนาว ” กำนันตำบลน้ำหนาวคนแรกคือ นายมูล คัมภีร์ อยู่ที่บ้านห้วยลาด ปี พ.ศ.2487รัฐบาลได้ตราพระราชกำหนดระเบียบบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ ได้มีการสำรวจและเกณฑ์แรงงานราษฎรจากจังหวัดต่างๆ สร้างเส้นทางจากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ สู่จังหวัดเพชรบูรณ์โดยเริ่มต้นทางเส้นทางที่บ้านศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ผ่านบ้านวังกวาง ภูผาลา บ้านหลักด่าน ป่าห้วยอีหม้อ บ้านตาดกลอย สู่เขตอำเภอหล่มเก่า บ้านกกกระทอน หัวหน้าคณะผู้สำรวจเส้นทางในสมัยนั้น คือ นายช่างเต็ม วิภาคย์จนกิจ การก่อสร้างเส้นทางดังกล่าว ผู้คนต้องมาเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บโดยเฉพาะไข้มาลาเรียในป่าน้ำหนาวเป็นจำนวน มาก ตรงบริเวณข้างสะพานห้วยผาลาเป็นสุสานที่ฝังศพของผู้เสียชีวิตเส้นทางสายนี้ก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์รัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงครามต้องลาออก การก่อสร้างดังกล่าวจึงถูกยกเลิกไป
พ.ศ.2521 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศตั้งกิ่งอำเภอน้ำหนาว โดยแยกพื้นที่ตำบลน้ำหนาวออกจากอำเภอหล่มเก่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลคมนาคม เจ้าหน้าที่ของรัฐออกตรวจตราและเยี่ยมเยือนราษฎรไม่ทั่วถึง เพราะเป็นพื้นที่ชายแดนมีอาณาเขตติดต่อกับ 3 จังหวัด 4อำเภอประกอบกับมีการแทรกซึมของผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์ และยากต่อการปราบปรามซึ่ง ผบ.พตท.1617และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์มีความเห็นสอดคล้องต้องกันว่าควรจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอขึ้น และกระทรวง มหาดไทยได้ ตั้งเป็นกิ่งอำเภอ ตามประกาศ ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2521 โดยให้ขึ้นอยู่กับอำเภอหล่มเก่า
ในปีแรกใช้อาคารเรียนของโรงเรียนชุมชนบ้านนาพอสอง (ปัจจุบันเป็นโรงเรียนอนุบาล น้ำหนาว )เป็นที่ทำการชั่วคราว ต่อมาในปี พ.ศ.2523 ทางราชการได้ที่ว่าการกิ่งอำเภอสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2524 เป็นอาคาร 2 ชั้น และใช้เป็นที่ว่าการอำเภอถึงปัจจุบันนี้ นายเน็ด โฉมอุดม ปลัดอำเภอหล่มเก่าเป็นปลัดอำเภอเป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอคนแรก และได้ตั้งเป็นอำเภอตามพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ 19กรกฎาคม 2524(ข้อมูล: http://www.konnamnao.com/)
รู้จักแหล่งท่องเที่ยว
พ.ศ.2521 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศตั้งกิ่งอำเภอน้ำหนาว โดยแยกพื้นที่ตำบลน้ำหนาวออกจากอำเภอหล่มเก่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลคมนาคม เจ้าหน้าที่ของรัฐออกตรวจตราและเยี่ยมเยือนราษฎรไม่ทั่วถึง เพราะเป็นพื้นที่ชายแดนมีอาณาเขตติดต่อกับ 3 จังหวัด 4อำเภอประกอบกับมีการแทรกซึมของผู้ก่อการร้าย คอมมิวนิสต์ และยากต่อการปราบปรามซึ่ง ผบ.พตท.1617และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์มีความเห็นสอดคล้องต้องกันว่าควรจัดตั้งเป็นกิ่งอำเภอขึ้น และกระทรวง มหาดไทยได้ ตั้งเป็นกิ่งอำเภอ ตามประกาศ ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2521 โดยให้ขึ้นอยู่กับอำเภอหล่มเก่า
ในปีแรกใช้อาคารเรียนของโรงเรียนชุมชนบ้านนาพอสอง (ปัจจุบันเป็นโรงเรียนอนุบาล น้ำหนาว )เป็นที่ทำการชั่วคราว ต่อมาในปี พ.ศ.2523 ทางราชการได้ที่ว่าการกิ่งอำเภอสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2524 เป็นอาคาร 2 ชั้น และใช้เป็นที่ว่าการอำเภอถึงปัจจุบันนี้ นายเน็ด โฉมอุดม ปลัดอำเภอหล่มเก่าเป็นปลัดอำเภอเป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอคนแรก และได้ตั้งเป็นอำเภอตามพระราชกฤษฎีกา ลงวันที่ 19กรกฎาคม 2524(ข้อมูล: http://www.konnamnao.com/)
รู้จักแหล่งท่องเที่ยว
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของเพชรบูรณ์ ได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางที่ชอบการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2515ครอบคลุมพื้นที่ป่ารอยต่อสองจังหวัด คือ ในเขตอำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์และอำเภอคอนสาน จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่รวม 603,750 ไร่ สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม อุณหภูมิประมาณ 2-5องศาเซลเซียส เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย มีสัตว์ป่าชุกชุมรวมทั้งนกชนิดต่าง ๆ ตามเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติบนเขาสูงผ่านจุดชมวิวริมหน้าผาสวยงาม อาทิ ผากลางโหล่น ผาล้อม ผากอง นอกจากนั้นยังมีถ้ำ และน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาน จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง มีเนื้อที่ประมาณ 966ตารางกิโลเมตร หรือ 603,750 ไร่
ฤดูกาลท่องเที่ยว...ฤดูหนาว โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม-มกราคม(พระอาทิตย์ยามเช้าสวยงามมาก )
ประวัติความเป็นมา :-
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ให้กำหนดป่าน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดต่างๆ รวม 14ป่า เป็นอุทยานแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2511 กรมป่าไม้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพพื้นที่บริเวณป่าน้ำหนาว ปรากฎว่ามีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด กรมป่าไม้จึงได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 1/2513เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2513 เห็นชอบให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 143 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 กำหนดบริเวณป่าน้ำหนาวในท้องที่ตำบลบ้านโคก อำเภอเมือง ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านติ้ว ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก ตำบลน้ำหนาว อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอคอนสาน จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ รวมเนื้อที่ประมาณ 603,750 ไร่ ลงในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 89 ตอนที่ 71 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2515 เป็น อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 5 ของประเทศไทย ต่อมากองอุทยานแห่งชาติ (เดิม) กรมป่าไม้ ได้มีหนังสือที่ กส 0708/2214 ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2523 ให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทุกแห่งได้ตรวจสอบพิจารณาชื่อตำบลที่ตกหล่นในอุทยานแห่งชาติที่รับผิดชอบ ซึ่งอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวได้มีหนังสือที่ กส 0708(นน)/223ลงวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2525 รายงานว่า ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 143 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 ได้กำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุมถึงท้องที่ตำบลปากช่อง และตำบลท่าอิบุญ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วย แต่มิได้ระบุชื่อตำบลทั้ง 2ไว้ กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 3/2523 ้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2523 เห็นชอบให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดขยายเขตอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติมตำบลที่ตกหล่นได้ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวในท้องที่ตำบลท่าอิบุญ ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ.2525ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 88 ตอนที่ 137 ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2525 ตามที่ กรมป่าไม้ ได้จัดงานวันสถาปนากรมป่าไม้ครบรอบ 104ปี เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2543โดยได้จัดประกวดอุทยานแห่งชาติดีเด่นด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2543เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ปีท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 2543และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกอุทยานแห่งชาติดีเด่นด้านการท่องเที่ยว ปี 2543ปรากฎว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ได้รับรางวัล "รองชนะเลิศอันดับที่ 1 "ในการประกวด อุทยานแห่งชาติดีเด่น ประจำปี 2543
ประวัติความเป็นมา: ตำบลวังกวาง
ตำบลหลักด่าน แต่เดิมเป็นบ้านลัดด่านที่อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอหล่มเก่าชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางเดินทางไปจังหวัดเลย และตำบลวังกวาง จึงเรียกชื่อว่าบ้านลัดด่าน ต่อมามีการจัดตั้งอำเภอน้ำหนาว บ้านลัดด่านจึงขึ้นอยู่กับการปกครองของอำเภอน้ำหนาว กลายมาเป็นตำบลหลักด่านในปัจจุบัน
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ในท้องที่อำเภอเมือง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอคอนสาน จังหวัดชัยภูมิ เป็นอุทยานแห่งชาติที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำลำธาร มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง มีเนื้อที่ประมาณ 966ตารางกิโลเมตร หรือ 603,750 ไร่
ฤดูกาลท่องเที่ยว...ฤดูหนาว โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม-มกราคม(พระอาทิตย์ยามเช้าสวยงามมาก )
ประวัติความเป็นมา :-
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ให้กำหนดป่าน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดต่างๆ รวม 14ป่า เป็นอุทยานแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2511 กรมป่าไม้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจเบื้องต้นเกี่ยวกับสภาพพื้นที่บริเวณป่าน้ำหนาว ปรากฎว่ามีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง ตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด กรมป่าไม้จึงได้นำเสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 1/2513เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2513 เห็นชอบให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 143 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 กำหนดบริเวณป่าน้ำหนาวในท้องที่ตำบลบ้านโคก อำเภอเมือง ตำบลบ้านกลาง ตำบลบ้านติ้ว ตำบลห้วยไร่ อำเภอหล่มสัก ตำบลน้ำหนาว อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ และตำบลห้วยยาง อำเภอคอนสาน จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ รวมเนื้อที่ประมาณ 603,750 ไร่ ลงในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 89 ตอนที่ 71 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2515 เป็น อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 5 ของประเทศไทย ต่อมากองอุทยานแห่งชาติ (เดิม) กรมป่าไม้ ได้มีหนังสือที่ กส 0708/2214 ลงวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2523 ให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทุกแห่งได้ตรวจสอบพิจารณาชื่อตำบลที่ตกหล่นในอุทยานแห่งชาติที่รับผิดชอบ ซึ่งอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวได้มีหนังสือที่ กส 0708(นน)/223ลงวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2525 รายงานว่า ตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 143 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 ได้กำหนดแนวเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุมถึงท้องที่ตำบลปากช่อง และตำบลท่าอิบุญ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ด้วย แต่มิได้ระบุชื่อตำบลทั้ง 2ไว้ กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติในคราวประชุมครั้งที่ 3/2523 ้เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2523 เห็นชอบให้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดขยายเขตอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติมตำบลที่ตกหล่นได้ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกาขยายเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวในท้องที่ตำบลท่าอิบุญ ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ.2525ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 88 ตอนที่ 137 ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2525 ตามที่ กรมป่าไม้ ได้จัดงานวันสถาปนากรมป่าไม้ครบรอบ 104ปี เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2543โดยได้จัดประกวดอุทยานแห่งชาติดีเด่นด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2543เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ปีท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 2543และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกอุทยานแห่งชาติดีเด่นด้านการท่องเที่ยว ปี 2543ปรากฎว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ได้รับรางวัล "รองชนะเลิศอันดับที่ 1 "ในการประกวด อุทยานแห่งชาติดีเด่น ประจำปี 2543
สถานที่น่าสนใจ :-
ถ้ำผาหงษ์ ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 39 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ( ดอยหล่มสัก - ชุมแพ ) ระยะทางเดินเท้าประมาณ 300 เมตร มีลักษณะเป็นเขาสูง มีทางเท้าเดินขึ้นยอดเขาประมาณ 200 เมตร เพื่อ ชมทิวทัศน์และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น ภายในถ้ำมี หินงอกหินย้อย ที่สวยงาม
สวนสนบ้านแปก (ดงแปก)ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 49 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12(ดอยหล่มสัก -ชุมแพ )ระยะทางเดินเท้าประมาณ 5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นป่าสนสองใบ ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มใหญ่เพียงชนิดเดียวตามธรรมชาติ ต้นไม้พื้นล่างประกอบด้วยทุ่งหญ้าและหญ้าเพ็กเป็นจำนวนมาก มีความสวยงาม
สวนสนภูกุ่มข้าว ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 53 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ดอยหล่มสัก-ชุมแพ) มีทางลูกรังมาตรฐานจากแยกกิโลเมตรที่ 53 ถึงสวนสนภูกุ่มข้าว ระยะทาง 15กิโลเมตร เป็นป่าสนสามใบ มีต้นสนขนาดใหญ่ มีความสูงตั้งแต่ 30-40 เมตร ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติอย่างหนาแน่นแทบไม่มีไม้อื่นปะปนอยู่ มีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร ไม้พื้นล่างประกอบด้วย ทุ่งหญ้าคา หญ้าเพ็ก จำนวนมากเช่นเดียวกัน ในฤดูแล้งทุ่งหญ้าใต้ต้นสนจะค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลแก่ พอถึงฤดูฝนใหม่ทุ่งหญ้าเหล่านี้ก็จะกลับเขียวอีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ไป โดยเฉพาะฤดูฝนตามทุ่งหญ้าจะมีพันธุ์ไม้หลากสีนานาพรรณขึ้นอยู่อย่างสวยงามมาก....บริเวณสวนสนนี้ มีเนินเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่ง เรียกว่า "ภูกุ่มข้าว "สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 880เมตร เป็นเนินเขาที่เป็นจุดเด่นจุดหนึ่งท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนบนเนินเขาภูกุ่มข้าว จะเห็นแนวยอดสนอยู่ในระดับสายตา สามารถมองเห็นแนวยอดสนเป็นแนวติดต่อกันเป็นพืดทั้งสี่ด้านของภูกุ่มข้าว ดูแล้วคล้ายๆ ท้องทะเลของยอดสน เมื่อมองไปทางทิศใต้จะเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ ( น้ำพรม ) ที่กว้างใหญ่
ถ้ำผาหงษ์ ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 39 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ( ดอยหล่มสัก - ชุมแพ ) ระยะทางเดินเท้าประมาณ 300 เมตร มีลักษณะเป็นเขาสูง มีทางเท้าเดินขึ้นยอดเขาประมาณ 200 เมตร เพื่อ ชมทิวทัศน์และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น ภายในถ้ำมี หินงอกหินย้อย ที่สวยงาม
สวนสนบ้านแปก (ดงแปก)ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 49 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12(ดอยหล่มสัก -ชุมแพ )ระยะทางเดินเท้าประมาณ 5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นป่าสนสองใบ ขึ้นอยู่เป็นกลุ่มใหญ่เพียงชนิดเดียวตามธรรมชาติ ต้นไม้พื้นล่างประกอบด้วยทุ่งหญ้าและหญ้าเพ็กเป็นจำนวนมาก มีความสวยงาม
สวนสนภูกุ่มข้าว ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 53 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ดอยหล่มสัก-ชุมแพ) มีทางลูกรังมาตรฐานจากแยกกิโลเมตรที่ 53 ถึงสวนสนภูกุ่มข้าว ระยะทาง 15กิโลเมตร เป็นป่าสนสามใบ มีต้นสนขนาดใหญ่ มีความสูงตั้งแต่ 30-40 เมตร ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติอย่างหนาแน่นแทบไม่มีไม้อื่นปะปนอยู่ มีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตร ไม้พื้นล่างประกอบด้วย ทุ่งหญ้าคา หญ้าเพ็ก จำนวนมากเช่นเดียวกัน ในฤดูแล้งทุ่งหญ้าใต้ต้นสนจะค่อยๆ เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลแก่ พอถึงฤดูฝนใหม่ทุ่งหญ้าเหล่านี้ก็จะกลับเขียวอีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ไป โดยเฉพาะฤดูฝนตามทุ่งหญ้าจะมีพันธุ์ไม้หลากสีนานาพรรณขึ้นอยู่อย่างสวยงามมาก....บริเวณสวนสนนี้ มีเนินเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่ง เรียกว่า "ภูกุ่มข้าว "สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 880เมตร เป็นเนินเขาที่เป็นจุดเด่นจุดหนึ่งท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนบนเนินเขาภูกุ่มข้าว จะเห็นแนวยอดสนอยู่ในระดับสายตา สามารถมองเห็นแนวยอดสนเป็นแนวติดต่อกันเป็นพืดทั้งสี่ด้านของภูกุ่มข้าว ดูแล้วคล้ายๆ ท้องทะเลของยอดสน เมื่อมองไปทางทิศใต้จะเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ ( น้ำพรม ) ที่กว้างใหญ่
น้ำตกเหวทราย ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 67 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12(ดอยหล่มสัก - ชุมแพ ) ระยะทางเดินเท้า1 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยสนามทราย ซึ่งมีต้นน้ำที่ป่าดงดิบชื่อ ดงแหน่ง ไหลผ่านป่าซำผักคาว ลำห้วยสนามทรายนี้เป็นแนวธรรมชาติที่แบ่งเขตแดนระหว่างกิ่งอำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ กับอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ น้ำตกเหวทราย เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 20เมตร บริเวณด้านใต้น้ำตกมีแอ่งน้ำลึก สามารถลงเล่นน้ำ และใต้น้ำตกมีชะง่อนหินขนาดใหญ่เป็นเพิงสามารถพักแรมหลบฝนได้ บรรยากาศบริเวณลำห้วยน่าเดินเล่น มีต้นไม้ปกคลุมตลอด ในฤดูฝน น้ำตกมีปริมาณน้ำมากและสวยงามมาก
น้ำตกทรายทอง เป็นน้ำตกที่อยู่ห่างจากน้ำตกเหวทรายประมาณ 500 เมตร มีความกว้างที่สุดประมาณ 30 เมตร สูง 4 เมตร มีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในฤดูฝน น้ำตกมีปริมาณน้ำมากตกลงมาเป็นหน้ากว้าง 30 เมตร สวยงามมากเช่นเดียวกัน
ภูผาจิต(ภูด่านอีป้อง)ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 69ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12(ดอยหล่มสัก -ชุมแพ )ระยะทางเดินเท้าประมาณ 10กิโลเมตร ทางค่อนข้างลำบาก ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 6-7ชั่วโมง สภาพป่าสวยงามมาก ลักษณะเด่นตั้งโดดเดี่ยวบนที่ราบสูง ลักษณะสันฐานคล้ายภูกระดึงแต่เล็กกว่า เป็นภูเขาที่มียอดราบแบบโต๊ะ มีไม้สนขึ้นอยู่ประกอบด้วยป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ มีต้นไม้มีค่าหลายชนิด ภูเขานี้มี ยอดสูงสุด ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สูง 1,271เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ผาล้อมผากอง ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 40 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย-อำเภอหล่มเก่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผากลางดง (ซำม่วง)ระยะทางเดินเท้าประมาณ 5-7กิโลเมตร ลักษณะเป็นภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1,134เมตร เป็นเขาหินปูน เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ บริเวณได้ สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพรรณไม้ที่มีค่ามาก บริเวณใกล้เคียงยังมีผากลางโหล่น มีความสูงประมาณ 850เมตร ผาต้นฮอม มีความสูงประมาณ 900 เมตร ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามมากเช่นเดียวกัน
น้ำตกทรายทอง เป็นน้ำตกที่อยู่ห่างจากน้ำตกเหวทรายประมาณ 500 เมตร มีความกว้างที่สุดประมาณ 30 เมตร สูง 4 เมตร มีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะในฤดูฝน น้ำตกมีปริมาณน้ำมากตกลงมาเป็นหน้ากว้าง 30 เมตร สวยงามมากเช่นเดียวกัน
ภูผาจิต(ภูด่านอีป้อง)ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 69ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12(ดอยหล่มสัก -ชุมแพ )ระยะทางเดินเท้าประมาณ 10กิโลเมตร ทางค่อนข้างลำบาก ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 6-7ชั่วโมง สภาพป่าสวยงามมาก ลักษณะเด่นตั้งโดดเดี่ยวบนที่ราบสูง ลักษณะสันฐานคล้ายภูกระดึงแต่เล็กกว่า เป็นภูเขาที่มียอดราบแบบโต๊ะ มีไม้สนขึ้นอยู่ประกอบด้วยป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ มีต้นไม้มีค่าหลายชนิด ภูเขานี้มี ยอดสูงสุด ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สูง 1,271เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ผาล้อมผากอง ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 40 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย-อำเภอหล่มเก่า หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติภูผากลางดง (ซำม่วง)ระยะทางเดินเท้าประมาณ 5-7กิโลเมตร ลักษณะเป็นภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1,134เมตร เป็นเขาหินปูน เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ บริเวณได้ สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณ ประกอบด้วยพรรณไม้ที่มีค่ามาก บริเวณใกล้เคียงยังมีผากลางโหล่น มีความสูงประมาณ 850เมตร ผาต้นฮอม มีความสูงประมาณ 900 เมตร ซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามมากเช่นเดียวกัน
ถ้ำใหญ่น้ำหนาว (ภูน้ำริน) ทางเข้าอยู่ตรงกิโลเมตรที่ 60 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย -อำเภอหล่มเก่า บ้านหินลาด มีทางลูกรัง รถยนต์เข้าถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวถ้ำใหญ่ถ้ำน้ำหนาวประมาณ 3กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเขาหินปูนสูงประมาณ 955 เมตร ทำให้เกิดเป็นถ้ำน้ำหนาว เป็นถ้ำใหญ่มีความงามวิจิตรพิสดารโดยธรรมชาติ มี หินงอกหินย้อย และที่แปลกที่สุดคือ มีน้ำไหลหรือน้ำรินออกจากปากถ้ำ ภายในถ้ำยังเป็นที่อาศัยของค้างคาวจำนวนมากอีกด้วย ความลึกของตัวถ้ำ เนื่องจากเป็นถ้ำที่มีความลึกมากจึงไม่มีใครทราบแน่ชัด
น้ำตกตาดพรานบา ทางเข้าอยู่ใกล้ที่ว่าการกิ่งอำเภอน้ำหนาว กิโลเมตรที่ 20 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย - อำเภอหล่มเก่า เป็นทางลูกรัง รถยนต์เข้าถึงน้ำตก มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ปานกลาง ตกจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร น้ำตกจากหน้าผาสูงพุ่งเป็นลำสู่เบื้องล่างเป็นสองชั้น มีน้ำซึ่งเกิดจากลำน้ำเชิญตลอด สาเหตุที่น้ำตกมีชื่อว่า "ตาดพรานบา" เนื่องจากพรานบาเป็นผู้เข้าไปพบน้ำตกแห่งนี้เป็นคนแรก สำหรับคำว่า ตาด นั้นเป็นภาษาพื้นบ้านท้องถิ่นหมายถึง น้ำตก
จุดชมวิวภูค้อ ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 46ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ดอยหล่มสัก- ชุมแพ) เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวสามารถชม พระอาทิตย์ขึ้น ในยามเช้า นอกจากนี้ทางอุทยานฯ ยังได้จัดทำเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร ไปยังศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย ป่าเปลี่ยนสี บริเวณกิโลเมตรที่ 63 -70 ของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ( ดอยหล่มสัก - ชุมแพ ) ในประมาณเดือน ธันวาคม - มกราคม ของทุกปี ผืนป่าบริเวณนี้ซึ่งเป็นป่าผสมผลัดใบ ก่อนที่พันธุ์ไม้จะผลัดใบจะมีปรากฎการณ์ธรรมชาติของป่าเปลี่ยนสีที่สวยงามน่าชมยิ่ง
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวได้จัดทำทางเดินเท้าสำหรับเที่ยวชมธรรมชาติในป่าไว้หลายสาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้ชอบเดินป่าสามารถชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ดังนี้
- เส้นทางเดินสายแรก เป็นระยะทางประมาณ 5กิโลเมตร เริ่มต้นจากทางแยกใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระหว่างทางจะได้เห็นสัตว์ป่าบางชนิด ได้แก่ หมาไม้ และ นกชนิดต่างๆ โดยเฉพาะในฤดูฝนจะพบรอยช้างจำนวนมาก เส้นทางนี้วนกลับออกมาสู่บริเวณทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
-เส้นทางเดินชมป่าสายที่ 2 เริ่มจากทางเดินตรงข้ามที่ทำการอุทยานฯ ลัดเลาะผ่านป่าเต็งรัง ผ่านบ่อดินโป่ง ซึ่งมีช้าง กวาง และสัตว์อื่นๆ ไปกินอยู่เสมอ ทางสายนี้จะไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอน รวมระยะทางประมาณ 8กิโลเมตร และถ้าเดินกลับที่พักต้องเดินต่ออีกประมาณ 5 กิโลเมตร หากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินชมธรรมชาติต่อสามารถใช้เส้นทางเดินเท้าอันราบเรียบที่ทางอุทยานจัดไว้ โดยเริ่มต้นจากหน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอน เส้นทางนี้ผ่านใจกลางอุทยานแห่งชาติ สุดทางจะเป็นจุดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนเนินภูกุ่มข้าวจะเห็นยอดสนในบริเวณสวนสนอยู่ในระดับสายตาเป็นแนวติดต่อกันเป็นพืดทั้งสี่ทิศ มองดูแล้วคล้ายๆ กับท้องทะเลยอดสนก็มิปาน และระหว่างทางเดินก็อาจจะได้พบสัตว์ป่า เช่น ช้าง กวาง เก้ง อีกด้วย ระยะทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอนถึงสวนสนประมาณ 12 กิโลเมตร
- เส้นทางชมธรรมชาติสายที่ 3 อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 800 เมตร เป็นทางเข้าชมป่าสน หรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า "ป่าแปก " ทางสายนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมไม้สนขึ้นเรียงรายอยู่เป็นระยะๆ และอาจจะได้พบช้างป่า กวาง เก้ง รวมทั้งรอยเท้าเสือด้วย
สภาพภูมิประเทศ :-
ป่าน้ำหนาวเป็นเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง ทอดยาวผ่านจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะภูผาจิต ภูกุ่มข้าว และเทือกเขาโดยรอบประกอบขึ้นเป็นป่าต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของลำธารสายยาว เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย ห้วยขอนแก่น ห้วยน้ำเขิญ ซึ่งไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนจุฬาภรณ์
สภาพภูมิอากาศ :-
โดยทั่วไปอากาศหนาวเย็นในตอนดึกและตอนเช้า ส่วนใหญ่ตอนกลางวันอากาศเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 25 องศาเซลเซียส ในฤดูฝน จะมีฝนตกชุกระหว่างเดือนกันยายน -ตุลาคม ส่วนใหญ่ฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก จนบางครั้ง น้ำค้างจะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม ซึ่งในบางปีอุณหภูมิต่ำถึง 0 องศาเซลเซียส
เดินป่าศึกษาธรรมชาติ
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวได้จัดทำทางเดินเท้าสำหรับเที่ยวชมธรรมชาติในป่าไว้หลายสาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้ชอบเดินป่าสามารถชมธรรมชาติได้ทั่วถึง ดังนี้
- เส้นทางเดินสายแรก เป็นระยะทางประมาณ 5กิโลเมตร เริ่มต้นจากทางแยกใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ระหว่างทางจะได้เห็นสัตว์ป่าบางชนิด ได้แก่ หมาไม้ และ นกชนิดต่างๆ โดยเฉพาะในฤดูฝนจะพบรอยช้างจำนวนมาก เส้นทางนี้วนกลับออกมาสู่บริเวณทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ
-เส้นทางเดินชมป่าสายที่ 2 เริ่มจากทางเดินตรงข้ามที่ทำการอุทยานฯ ลัดเลาะผ่านป่าเต็งรัง ผ่านบ่อดินโป่ง ซึ่งมีช้าง กวาง และสัตว์อื่นๆ ไปกินอยู่เสมอ ทางสายนี้จะไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอน รวมระยะทางประมาณ 8กิโลเมตร และถ้าเดินกลับที่พักต้องเดินต่ออีกประมาณ 5 กิโลเมตร หากนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินชมธรรมชาติต่อสามารถใช้เส้นทางเดินเท้าอันราบเรียบที่ทางอุทยานจัดไว้ โดยเริ่มต้นจากหน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอน เส้นทางนี้ผ่านใจกลางอุทยานแห่งชาติ สุดทางจะเป็นจุดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสน เมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนเนินภูกุ่มข้าวจะเห็นยอดสนในบริเวณสวนสนอยู่ในระดับสายตาเป็นแนวติดต่อกันเป็นพืดทั้งสี่ทิศ มองดูแล้วคล้ายๆ กับท้องทะเลยอดสนก็มิปาน และระหว่างทางเดินก็อาจจะได้พบสัตว์ป่า เช่น ช้าง กวาง เก้ง อีกด้วย ระยะทางจากหน่วยพิทักษ์อุทยานซำบอนถึงสวนสนประมาณ 12 กิโลเมตร
- เส้นทางชมธรรมชาติสายที่ 3 อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 800 เมตร เป็นทางเข้าชมป่าสน หรือภาษาพื้นเมืองเรียกว่า "ป่าแปก " ทางสายนี้นักท่องเที่ยวจะได้ชมไม้สนขึ้นเรียงรายอยู่เป็นระยะๆ และอาจจะได้พบช้างป่า กวาง เก้ง รวมทั้งรอยเท้าเสือด้วย
สภาพภูมิประเทศ :-
ป่าน้ำหนาวเป็นเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูง ทอดยาวผ่านจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะภูผาจิต ภูกุ่มข้าว และเทือกเขาโดยรอบประกอบขึ้นเป็นป่าต้นน้ำลำธาร ต้นกำเนิดของลำธารสายยาว เช่น แม่น้ำป่าสัก แม่น้ำพอง แม่น้ำเลย ห้วยขอนแก่น ห้วยน้ำเขิญ ซึ่งไหลลงสู่เขื่อนอุบลรัตน์ และเขื่อนจุฬาภรณ์
สภาพภูมิอากาศ :-
โดยทั่วไปอากาศหนาวเย็นในตอนดึกและตอนเช้า ส่วนใหญ่ตอนกลางวันอากาศเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 25 องศาเซลเซียส ในฤดูฝน จะมีฝนตกชุกระหว่างเดือนกันยายน -ตุลาคม ส่วนใหญ่ฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นมาก จนบางครั้ง น้ำค้างจะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในเดือนธันวาคมและมกราคม ซึ่งในบางปีอุณหภูมิต่ำถึง 0 องศาเซลเซียส
พรรณไม้ :-ป่าน้ำหนาวเป็นป่าผืนใหญ่ติดต่อกัน ประกอบด้วยป่าหลายชนิด คือ ป่าเต็งรัง หรือป่าแดง ป่าเบญจพรรณ ป่าดงดิบ และทุ่งหญ้า
พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ประดู่ แดง มะค่า ชิงชัน เต็ง รัง ยาง ตะเคียน สนเขา ก่อ สมุนไพร และกล้วยไม้ต่างๆ
สัตว์ป่า :-เนื่องจากป่าส่วนหนึ่งเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้าและป่าดิบ มีดินโปร่งและน้ำไหลผ่านตลอดปี จึงทำให้ป่านี้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เช่น ช้าง กระทิง วัวแดง กวาง เก้ง หมีควาย หมีคน เลียงผา หมาป่า กระจง เม่น หมูป่า และกระต่ายป่า สำหรับช้างป่านั้นมีอยู่ทั่วไป ซึ่งเราจะเห็นกองมูลช้างที่ถ่ายไว้ริมทางหลวงอยู่เสมอ นอกจากนี้ป่าน้ำหนาวยังมีเสือโคร่ง เสือดาว ค่าง นก(AvianFauna)มีมากกว่า 200ชนิด ตามทางเดินในป่าจะพบนกสีสวยๆ อยู่เสมอ เช่น นกแก้ว นกขุนแผน นกหก นกพญาปากกว้าง นกเดินดง นกแต้วแร้ว นกโพระดก นกหัวขวาน นกเงือก นกกระจ้อย นกกินแมลงชนิดต่างๆ ไก่ฟ้าพระยาลอ และไก่ป่า ผีเสื้อ มีความหลากหลายของผีเสื้อมากกว่า 340 ชนิด
พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ไม้ประดู่ แดง มะค่า ชิงชัน เต็ง รัง ยาง ตะเคียน สนเขา ก่อ สมุนไพร และกล้วยไม้ต่างๆ
สัตว์ป่า :-เนื่องจากป่าส่วนหนึ่งเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้าและป่าดิบ มีดินโปร่งและน้ำไหลผ่านตลอดปี จึงทำให้ป่านี้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เช่น ช้าง กระทิง วัวแดง กวาง เก้ง หมีควาย หมีคน เลียงผา หมาป่า กระจง เม่น หมูป่า และกระต่ายป่า สำหรับช้างป่านั้นมีอยู่ทั่วไป ซึ่งเราจะเห็นกองมูลช้างที่ถ่ายไว้ริมทางหลวงอยู่เสมอ นอกจากนี้ป่าน้ำหนาวยังมีเสือโคร่ง เสือดาว ค่าง นก(AvianFauna)มีมากกว่า 200ชนิด ตามทางเดินในป่าจะพบนกสีสวยๆ อยู่เสมอ เช่น นกแก้ว นกขุนแผน นกหก นกพญาปากกว้าง นกเดินดง นกแต้วแร้ว นกโพระดก นกหัวขวาน นกเงือก นกกระจ้อย นกกินแมลงชนิดต่างๆ ไก่ฟ้าพระยาลอ และไก่ป่า ผีเสื้อ มีความหลากหลายของผีเสื้อมากกว่า 340 ชนิด
สถานที่พักแรม :-
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีบ้านพัก และสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :-
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว 056-810-724,081-962-6236 หรือที่เว็บไซต์ http://www.dnp.go.th/
ข้อควรปฏิบัติในการเที่ยวอุทยานฯ :-
ไม่ทำการยึดถือ ครอบครอง แผ้วถางป่า นำออกไปซึ่งแร่, ดิน, หิน, พรรณไม้ และสัตว์ป่า ตลอดจนของป่าทุกชนิด ไม่ล่าสัตว์และไม่นำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่ทำเสียงดังจนเป็นที่รบกวนแก่นักท่องเที่ยวและสัตว์ ต้องช่วยระมัดระวังมิให้เกิดไฟไหม้ป่า หากมีความจำเป็นต้องก่อไฟ เมื่อเสร็จแล้วกรุณาช่วยดับให้เรียบร้อย หากมีข้อสงสัยโปรดติดต่อเจ้าหน้าที่
การเดินทาง :-การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สามารถเดินทางได้ดังนี้ ทางรถยนต์ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่น 103 กิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอหล่มสักประมาณ 55 กิโลเมตร เดินทางโดยรถยนต์ตามทางหลวงหมายเลข 12 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 50 มีป้ายชี้ทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นทางลูกรัง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทางรถประจำทาง สามารถขึ้นรถจากขอนแก่นหรือหล่มสัก ซึ่งผ่านหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ทุกวัน
แผนที่ที่ตั้งอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว :-
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีบ้านพัก และสถานที่กางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ :-
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว 056-810-724,081-962-6236 หรือที่เว็บไซต์ http://www.dnp.go.th/
ข้อควรปฏิบัติในการเที่ยวอุทยานฯ :-
ไม่ทำการยึดถือ ครอบครอง แผ้วถางป่า นำออกไปซึ่งแร่, ดิน, หิน, พรรณไม้ และสัตว์ป่า ตลอดจนของป่าทุกชนิด ไม่ล่าสัตว์และไม่นำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่ทำเสียงดังจนเป็นที่รบกวนแก่นักท่องเที่ยวและสัตว์ ต้องช่วยระมัดระวังมิให้เกิดไฟไหม้ป่า หากมีความจำเป็นต้องก่อไฟ เมื่อเสร็จแล้วกรุณาช่วยดับให้เรียบร้อย หากมีข้อสงสัยโปรดติดต่อเจ้าหน้าที่
การเดินทาง :-การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว สามารถเดินทางได้ดังนี้ ทางรถยนต์ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่น 103 กิโลเมตร อยู่ห่างจากอำเภอหล่มสักประมาณ 55 กิโลเมตร เดินทางโดยรถยนต์ตามทางหลวงหมายเลข 12 ถึงหลักกิโลเมตรที่ 50 มีป้ายชี้ทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นทางลูกรัง ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ทางรถประจำทาง สามารถขึ้นรถจากขอนแก่นหรือหล่มสัก ซึ่งผ่านหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ทุกวัน
แผนที่ที่ตั้งอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว :-
ประวัติความเป็นมา: ตำบลวังกวาง
บ้านวังกวาง ตั้งอยู่บนเทือกเขาเพชรบูรณ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติน้ำหนาว มีลำน้ำห้วยหอยไหลผ่านลงไปสู่ลำน้ำพอง(น้ำฟองในภาษาถิ่น)บ้านวังกวางตั้งขึ้นเมื่อราว พ.ศ.2385โดยชาวบ้านท่าอิบุญ อำเภอหล่มสัก ที่ถูกเกณฑ์มาร่วมสงครามคราวปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ (อาณาจักรล้านช้าง ประเทศลาวในปัจจุบัน)กับกองทัพเจ้าพระยาอภัยภูธร(น้อยบุญรัตพันธ์) สมุหนายก หลังเสร็จสงครามจึงอพยพครอบครัวขึ้นมาตั้งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ เรียกว่าบ้านห้วยหอยตามชื่อลำน้ำห้วยหอยห่างจากบ้านวังกวางไปประมาณ 2 กิโลเมตร ในปี พ.ศ. 2466 เกิดโรคไข้ทรพิษระบาดประชาชนอพยพหนีไปอยู่กับหมู่บ้านอื่นและตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่อีก 3หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านน้ำพาง บ้านไร่เหนือ (ไร่แปหรือบ้านไร่ใต้ในปัจจุบัน)และบ้านวังกวางซึ่งตั้งตามชื่อวังน้ำในลำน้ำห้วยหอยซึ่งไหลโค้งเป็นรูปเกือกม้า ก่อน พ.ศ. 2500 ที่ตั้งหมู่บ้านวังกวางเป็นป่าดิบเขามีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น เก้ง กวาง เสือ หมูป่า ช้างป่า ฯลฯ มาหากิน ถูกฝูงหมาป่าไล่ตกลงไปในวังน้ำแห่งนี้กวางเป็นสัตว์เชื่องช้าช่วยตัวเองในน้ำไม่ได้ทำให้ชาวบ้านจับกวางได้ในวังน้ำนี้บ่อย ๆ จึงเรียกชื่อวังน้ำนี้ว่า วังกวางมาจนถึงทุกวันนี้ สถานที่ตั้งของตัวตำบลวังกวาง อยู่ในเขตหมู่ที่ 1,2 บ้านชื่อว่าบ้านวังกวางในปี พ.ศ. 2524 ได้มีราษฎรได้อพยพมาอยู่กันมากขึ้น ภายใต้การนำของอดีตกำนันตำบลวังกวาง นายเสงี่ยม ทองอิฐ จึงได้ขอให้ทางราชการแยกหมู่บ้าน และได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นหมู่บ้านและในปีเดียวกันนายเสงี่ยม ทองอิฐ และราษฎรที่อาศัยอยู่ในเขตหมู่บ้านต่าง ๆ ร่วมกันขอให้ทางราชการแยกเขตหมู่บ้านอีกจำนวน 10 แห่ง เพื่อตั้งเป็นตำบลและได้รับประกาศจัดตั้งเป็นตำบล เมื่อ พ.ศ. 2524 โดยใช้ชื่อตำบลวังกวาง อย่างสมบูรณ์ ในปี พ.ศ.2542 ได้ยกฐานะสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งมีนายสว่าง พุทธิวงศ์ เป็นประธานกรรมการสภา นายเสงี่ยม ทองอิฐ เป็นประธานกรรมการบริหาร ส.ต.ท.พิมล สินประเสริฐรัตน์ เป็นปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล และกรรมการอีก 7 คน เป็นคณะบริหารชุดแรก (ข้อมูลเว็บ อบต.วังกวาง)
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญขอแนะนำ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง (หน่วยหนองผักบุ้ง)เส้นทางขึ้นภูกระดึงทางด้านอ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นธรรมชาติ เพราะตลอดเส้นทางเดินเท้าเพือขึ้นไปสัมผัสธรมชาติยังมีความอุดมสมบูรณ์ของป่าตลอดเส้นทาง การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางไม่สะดวกนัก จึงต้อง เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว มาที่อ.น้ำหนาว จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่บ้านฟองใต้ ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จะมีจุดบริการสำหรับนักท่องเที่ยว ของ อบต.วังกวาง สามารถฝากรถไว้ที่จุดบริการนี้ได้ และเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึง(หน่วยหนองผักบุ้ง) ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นปีนเขาขึ้นยอดภู จากนั้นต้องเดินเท้าอีก 5 กิโลเมตร จึงจะถึง “ป่าก่อ” ซึ่งเป็นจุดที่ให้นักท่องเที่ยวกางเต็นท์ แล้วจึงเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้นอีกประมาณ 500 เมตรก็จะถึงผาหล่มสักซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
การติดต่อสอบถามข้อมูล โรงเรียนบ้านฟองใต้ 056-760122 ประวัติความเป็นมา : ตำบลหลักด่าน
ตำบลหลักด่าน แต่เดิมเป็นบ้านลัดด่านที่อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอหล่มเก่าชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางเดินทางไปจังหวัดเลย และตำบลวังกวาง จึงเรียกชื่อว่าบ้านลัดด่าน ต่อมามีการจัดตั้งอำเภอน้ำหนาว บ้านลัดด่านจึงขึ้นอยู่กับการปกครองของอำเภอน้ำหนาว กลายมาเป็นตำบลหลักด่านในปัจจุบัน
ตำบลหลักด่านตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอน้ำหนาว โดยมีระยะห่างจากอำเภอโดยประมาณ 40 กม. พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงอยู่ในเขตอุทยานน้ำหนาวเป็นบางส่วนราษฎรประกอบอาชีพทำไร่ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ ถ้ำใหญ่น้ำหนาว มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่าถ้ำแห่งนี้ มีตำนานเกี่ยวกับพญานาคเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ในอดีตก่อนที่จะมีบ้านห้วยลาดบริเวณนี้มีหมู่บ้านเก่าแก่อยู่หมู่บ้านหนึ่ง ชาวหมู่บ้านนี้มีความศรัทธายิ่งในพระพุทธศาสนา เมื่อถึงเดือนหก (เดือนพฤษภาคม)ของทุกปี จะมีการทำบุญเดือนหก สมัยนั้นมีความเชื่อกันว่าบริเวณถ้ำใหญ่มีทางเดินที่สามารถเข้าสู่เมืองบาดาลได้ ทุกๆปีพญานาคและบริวารจะแปลงกายเป็นมนุษย์รูปร่างงดงามทั้งชาย-หญิง และแต่งกายอย่างงดงามโดยทุกตนจะถือขันทองคำใส่อาหารมาร่วมทำบุญเดือนหกกับชาวบ้านที่วัดบ้านธาตุ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของถ้ำใหญ่ไปประมาณ 500 เมตร
แต่มาปีหนึ่งหลังการบุญเสร็จสิ้น ปรากฏว่าขันทองคำของพญานาคได้หายไปหนึ่งใบ พญานาคและบริวารต่างพากันออกค้นหา และสอบถามจากพระสงฆ์ สามเณร ชาวบ้าน แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือนำขันทองคำไป ซึ่งตามตำนานระบุว่าความจริงแล้วมีสามเณรรูปหนึ่งเป็นผู้ขโมยขันทองคำไป เมื่อพญานาคและบริวารไม่สามารถหาขันทองคำได้จึงโกรธและประกาศจะไม่มาทำบุญร่วมกับชาวบ้านตลอดไป พร้อมกับแปลงร่างจากมนุษย์กลายเป็นพญานาคพากันเลื้อยหายเข้าไปในถ้ำใหญ่เกิดเป็นเสียงก้องกัมปนาทและพื้นพสุธาหวั่นไหว ทำให้พระสงฆ์ สามเณรและชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนี แต่แผ่นดินที่ตั้งของวัดบ้านธาตุและบริเวณใกล้เคียงได้ดูดกลืนผู้คน ทั้งพระสงฆ์ สามเณร พร้อมทั้งชาวบ้านอีก 50 ครัวเรือนหายไป ส่วนสามเณรที่ขโมยขันทองคำไป ได้วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตไปทางหน้าถ้ำเพื่อที่จะขึ้นถ้ำใหญ่ เมื่อก้าวได้ 7-8 ก้าว แผ่นดินก็ได้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว เป็นหลุมลึกมากซึ่งต่อมาจึงเรียกหลุมหรืออุโมงค์นี้ว่า "หลุมเณร"หรือ "หลุมหิน" มาจนถึงปัจจุบัน และนั่นก็คือตำนานของถ้ำใหญ่ที่เล่าขานสืบต่อกันมา จนเกิดเป็นประเพณีท้องถิ่นขึ้น นั่นก็คือ งานบุญบั้งไฟเพื่อบูชาพญานาค(พระยาแถน)ที่จัดขึ้นในเดือนแปดของทุกๆปีเพื่อให้เจ้าพ่อปกปักรักษาและให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีงานเลี้ยงประจำปี "เจ้าพ่อถ้ำใหญ่"ที่จัดขึ้นในเดือนหกของทุกๆปี เจ้าพ่อถ้ำใหญ่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งถ้ำใหญ่น้ำหนาวที่ชาวบ้านละแวกนั้นต่างเคารพศรัทธา ซึ่งเชื่อกันว่า เจ้าพ่อถ้ำใหญ่ก็คือพญานาคนั่นเอง นอกจากตำนานเกี่ยวกับพญานาคแล้ว ภายในถ้ำใหญ่น้ำหนาวยังเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยมากมาย อีกทั้งภายในถ้ำยังมี ลำธารธรรมชาติที่มีน้ำใสเย็นจัดตลอดทั้งปี ไหลออกมาจากปากถ้ำโดยไม่เคยเหือดแห้ง นอกจากนี้ยังมีถ้ำย่อยแยกออกไปเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็น 3ช่วงด้วยกัน ช่วงแรกระยะทางประมาณ 400 เมตร มีทางเดินเท้าไปตามคูหาต่างๆ ซึ่งมีหินงอกหินย้อยและเสาถ้ำให้ชม โดยจะไปสิ้นสุดที่คูหาซึ่งมีม่านหินอันงดงาม
ช่วงที่ 2 จากระยะทาง 400-1,000 เมตร ภายในถ้ำมีหินเป็นก้อนเหมือนเศษหินที่ร่วงลงมาจากถ้ำแต่ก็ไม่พบที่มาแต่อย่างใด
ส่วนช่วงที่ 3 มีระยะทางจาก 1,000 เมตร เข้าไป ภายในจะมีลำธารน้ำรินไหล ถ้ำมีความลึกประมาณ 4.5กิโลเมตร มีไฟติดไว้ตลอดทางทำให้สะดวกในการชมความงามภายในถ้ำ ซึ่งนี่ถือถือเป็นถ้ำหินปูนที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย
"ถ้ำใหญ่น้ำหนาว" ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ อุทยานฯน้ำหนาว บ้านห้วยลาด ต.หลักด่าน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ทางเข้าสู่ถ้ำอยู่บริเวณ กม.60 ทางหลวงสายบ้านห้วยสนามทราย-กกกะทอน โดยจากหน่วยพิทักษ์ของอุทยานฯจะมีเส้นทางเดินเท้าไปสู่ปากถ้ำในระยะทางประมาณ 200 เมตร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-5672-9002 (ข้อมูล:ผู้จัดการออนไลน์ 13มกราคม 2551 )
ประวัติความเป็นมา : ตำบลโคกมน
จัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2539 มีพื้นที่ 100.64 ตารางกิโลเมตร จำนวนหมู่บ้านมี 6 หมู่บ้าน อยู่ห่างจากตัวอำเภอ 12 กม.สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ น้ำตกตาดฟ้า ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ.ดงมะไฟ ต.โคกมน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตกจากหน้าผาสูงชันลงสู่เบื่องล่าง และเป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอด และน้ำตกเหวตาดหมอก ที่ตั้ง อยู่ท้ายวัดโคกมน หมู่ที่ 2บ้านโคกมน ต.โคกมน อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดเล็กลดหลั่นเป็นชั้นๆ ไหลลงสู่เหวลึกขนาดใหญ่ การเดินทาง รถโดยสารประจำทางและรถยนต์์ส่วนตัว จากเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12(ชุมแพ-หล่มสัก)แยกห้วยสนามทราย เส้นทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2216 (ห้วยสนามทราย-กกกะทอน) ระยะทางประมาณ 11 กม.ถึงวัดโคกมนอีก400ม.ถึงน้ำตกเหวตาดหมอก
(ข้อมูล: http://www.phufanamnao.com/kongmon.html)
นอกจากนี้ยังสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจตามรายละเอียดนี้ค่ะ(ข้อมูล: http://www.phufanamnao.com/kongmon.html)
สถานที่พักผ่อน ชรา ชาเลย์
(http://www.chalachalet.com/travel.html)
สถานที่พักผ่อน ศรีพฤกษา การ์เด้นโฮม (http://garden.pruksasri.net/)
(http://www.chalachalet.com/travel.html)
สถานที่พักผ่อน ศรีพฤกษา การ์เด้นโฮม (http://garden.pruksasri.net/)
ประวัติความเป็นมา : ตำบลน้ำหนาว
มีเนื้อที่ส่วนหนึ่งอยู่ใน อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว มีเนื้อที่ราว620ตารางกิโลเมตร(378,500ไร่)จัดว่าเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิดและป่าไม้นานาพรรณ ในป่าน้ำหนาวมีไม้พระพุทธเจ้าห้าพระองค์หรือไม้แสนตาล้อมซึ่งเป็นไม้ยืนต้นที่เชื่อว่ามีแห่งเดียวในประเทศไทยในเขตตำบลหลักด่านผลของไม้มีผล คล้ายรูปพระพุทธเจ้า 5พระองค ์อันได้แก ่พระกกุสันโธ พระกัสสโป พระโคตาโมและพระอริยเมตไตรย
“น้ำหนาว” เป็นชื่อของลำน้ำที่ไหลออกมาจากถ้ำใหญ่น้ำหนาว บริเวณหมู่ 5 บ้านห้วยลาด ตำบลหลักด่าน ซึ่งไหลผ่าน อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวในทิศเหนือ ในปี พ.ศ. 2500 ทุกฤดูหนาวลำน้ำแห่งนี้จะหนาวเย็นจัดจนผิวน้ำกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง แม้กระทั่งน้ำค้างที่จับตัวอยู่บนยอดหญ้าและหลังคาก็จับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็ง จึงเป็นตำนานที่เล่าขานกันสืบต่อกันมา และเป็นที่มาของ คำว่าน้ำหนาวในอดีตอำเภอน้ำหนาวเป็นที่หนีภัยสงครามคราวปราบ ขบถเจ้าอนุวงศ์ในสมัยรัชกาลที่3ครั้งที่กองทัพของเจ้าพระยาอภัยภูธร ( น้อยบุญยรัตพันธ ์) สมุหนายกยกทัพมาปราบที่เมืองหล่มเก่า รวมทั้งเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้กระทำความผิดทางอาญาในสมัยโบราณ เนื่องจากภูมิประเทศเป็นป่าเขาที่สูงชันไม่เอื้ออำนวยในการค้นหาและติดตาม